ประเพณีแห่นางแมว
ความเชื่อเกี่ยวกับพิธีขอฝนของชาวอีสาน
หลายๆคนคงจะเคยได้ยินมานะคะว่าชาวอีสานมีวิธีการขอฝนอยู่
อย่างหนึ่งคือ ประเพณีการแห่นางแมว ซึ่งการแห่นางแมวเป็นพิธีอ้อนวอนขอฝน
ซึ่งจำจัดทำขึ้นในปีใดที่ภาคอีสานในแต่ละท้องถิ่นแห่งแล้งฝนไม่ตกต้องตามฤดู กาล
จนในปัจจุบันกลายเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาตราบจนทุกวันนี้ค่ะ
ความเชื่อ
พิธีแห่นางแมวของชาวอีสานเพราะเชื่อว่าเหตุที่ฝนไม่ตกมี
เหตุผลหลายประการ เช่น เกิดจากดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลง, ประชาชนชาวเมืองหย่อนในศีลธรรม, เจ้าเมืองหรือเจ้าแผ่นดินไม่ทรงอยู่ในทศพิธราชธรรม,เป็นต้น
เหตุนี้ชาวเมือง ชาวอีสานจึงต้องทำพิธีอ้อนวอนขอฝน
และการที่ต้องใช้แมวเป็นตัวประกอบสำคัญในการขอฝน
เพราะเชื่อว่าแมวเป็นสัตว์ที่เกลียดฝน ถ้าฝนตกครั้งใดแมวจะร้องทันที
ชาวอีสานจึงถือเอาเคล็ดที่แมวร้องในเวลาฝนตกว่า จะเป็นเหตุให้ฝนตกจริงๆ
ชาวบ้านจึงร่วมมือกันสาดน้ำและทำให้แมวร้องมากที่สุดจึงจะเป็นผลดี
และชาวอีสานเชื่อว่าหลังจากทำพิธีแห่นางแมวแล้วฝนจะตกลงมาตามคำอ้อนวอน
และตามคำเซิ้ง ของนางแมว
องค์ประกอบที่ใช้ในพิธีแห่นางแมว
1. กะทอหรือเข่งที่มีฝาปิดข้างบน 1 อัน
2. แมวสีดำตัวเมีย 1 ตัว
3. เทียน 5 คู่
4. ดอกไม้ 5 คู่
5. ไม่สำหรับสอดกะทอให้คนหาม 1 อัน
2. แมวสีดำตัวเมีย 1 ตัว
3. เทียน 5 คู่
4. ดอกไม้ 5 คู่
5. ไม่สำหรับสอดกะทอให้คนหาม 1 อัน
วิธีแห่งนางแมว
1.ชาวบ้านรวมทั้งคนแก่คนหนุ่มและเด็กส่วนมากจะเป็นผู้ชาย ปรึกษาหารือกัน
คนที่เป็นผู้นำกล่าวเซิ้ง เพื่อให้ผู้ไปแห่ทั้งหมดเป็นผู้ว่าตาม
ส่วนใหญ่จะเป็นคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้าน
2. หากะทอใบหนึ่งหรืออาจใช้เข่งก็ได้
3. จับเอาแมวตัวเมียสีดำ 1 ตัวใส่ในกะทอ
ใช้เชือกผูกปิดปากะทอไม่ให้แมวออกได้ และใช้ไม้สอดกะทอให้คนหา 2 คน ตั้งคายด้วยขันธ์ ห้า ป่าวสักเคเทวดา เพื่อให้เทวดาบันดาลให้ฝนตก
4. ได้เวลาพลบค่ำผู้คนกำลังอยู่บ้าน ก็เริ่มขบวนแห่โดยหากะทอแมวออกข้างหน้า
แล้วตามด้วยคนว่าคำเซิ้ง และผู้แห่ว่าตามเป็นท่อนๆไป
ในขบวนก็จะมีการตีเกราะเคาะไม้เพื่อให้เกิดจังหวะตามไปด้วย
และแห่ไปทุกหลังคาเรือนในหมู่บ้านนั้นๆ
เมื่อแห่ไปถึงบ้านใครเจ้าของบ้านก็ต้องเอาน้ำสาดหรือรดที่ตัวแมวให้เปียกและ
ทำให้แมวร้อง และสาดใส่ขบวนเซิ้งด้วย ประเพณีบางบ้านก็สาดใส่ขบวนเฉยๆโดยไม่ให้ถูกแมว
เพราะปรากฏว่าเซิ้งหนักๆเข้า แมวตายวันละตัว
ซึ่งบางครั้งก็ประสพกับความสำเร็จหมายถึง
พอแห่นางแมวเสร็จก็มีฝนตกลงมา
แต่บางครั้งแห่จนแมวช้ำตายไปหลายตัวก็ยังไม่มีฝนตกลงมาเลยสักหยด.......แล้วพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ก็มีเขตตินต่อแดนทุ่งกุลา...ตามตำนานสมัยก่อนคนอีสานจะเรียกดินแดนนี้ว่า
“ทุ่งกุลาร้องไห้” ซึ่งอยู่ในจังหวัดร้อยเอ็ด...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น